Multi Jumping Universe

teamLab, 2018-, Interactive Digital Installation, Sound: DAISHI DANCE

Multi Jumping Universe

teamLab, 2018-, Interactive Digital Installation, Sound: DAISHI DANCE

Multi Jumping is a flexible surface that multiple people can jump on at the same time, and sink or jump higher than usual. 


When you stand on Multi Jumping, the surface beneath your feet sinks, creating warps in space and time. This distortion attracts stardust from the universe and births new stars. If you jump on top of a star, it begins to move, and if you chase the star and continue to jump on it, the star will grow. Stepping on a comet just as it passes over the star causes the comet to explode and the star to grow much bigger. When the life of the star ends, it returns to stardust and becomes the building blocks of new stars.

A gigantic and heavy star will eventually become a black hole that swallows up all the surrounding stars and stardust.

ที่มาของผลงาน

ชีวิตของดวงดาว

ดาวที่มีแสงสว่างในตัวมันเองอย่างเช่นดวงอาทิตย์หรือดวงดาวบนท้องฟ้ากลางคืนที่เรามองเห็นเรียกว่า “ดาวฤกษ์” ในอวกาศนี้มีดวงดาวชนิดต่างๆมากมาย โดยเฉพาะ “ดาวเคราะห์” อย่างเช่นโลกที่เราอาศัยอยู่หรือ “ดาวบริวาร” อย่างเช่นดวงจันทร์ที่หมุนรอบโลก แต่ในที่นี้จะขอพูดถึง “ดาวฤกษ์” เท่านั้น


สิ่งที่มีความเกี่ยวข้องเป็นอย่างมากต่อวงจรชีวิตของดาวฤกษ์คือ “แรงโน้มถ่วง” ทฤษฎีของไอน์สไตน์ระบุว่าการบิดเบี้ยวของปริภูมิ-เวลาในอวกาศเกิดจากมวลของสสาร ซึ่งสิ่งที่ก่อให้เกิดการรวมตัวของสสารโดยรอบเพื่อให้เข้าใกล้การบิดเบี้ยวของปริภูมิ-เวลานี้เรียกว่า “แรงโน้มถ่วง”

  • กำเนิดดวงดาว

    อวกาศมีฝุ่นดาวและก๊าซล่องลอยอยู่มากมาย เมื่อรวมตัวกันด้วยแรงโน้มถ่วงแล้วจะกลายเป็นแหล่งกำเนิดดวงดาว ซึ่งวัตถุที่จะกลายเป็นดวงดาวในอนาคตนี้จะเรียกว่า “ดาวฤกษ์ก่อนเกิด”

  • วิวัฒนาการของดวงดาว

    “ดาวฤกษ์ก่อนเกิด” เกิดจากการรวมตัวของฝุ่นดาวและก๊าซที่อยู่โดยรอบด้วยแรงโน้มถ่วง จากนั้นจะวิวัฒนาการต่อไปเป็นดาวฤกษ์ที่มีแสงสว่างในตัวของมันเอง ซึ่งดาวฤกษ์จะวิวัฒนาการไปตาม “แถบลำดับหลัก” เกือบตลอดวงจรชีวิตของมัน ดวงอาทิตย์ที่เราเห็นนี้ก็จะมีวิวัฒนาการด้วยลำดับดังกล่าวนี้เช่นกัน
    เมื่อดวงดาววิวัฒนาการต่อไปเรื่อยๆ มันจะพองตัวจนกลายเป็นดาวขนาดยักษ์สีแดงที่เรียกว่า “ดาวยักษ์แดง”

  • วาระสุดท้ายและการกำเนิดใหม่ของดวงดาว

    ดาวที่มีมวลขนาดเล็กกว่าประมาณ 8 เท่าของดวงอาทิตย์จะสิ้นอายุขัยด้วยการปลดปล่อยก๊าซออกมา ส่วนดาวที่มีมวลขนาดใหญ่กว่าจะสิ้นอายุขัยด้วยการก่อให้เกิด “ซูเปอร์โนวา” ซึ่งดาวที่ระเบิดออกกลายเป็น “ซูเปอร์โนวา” นี้จะกลายเป็นฝุ่นดาวและก๊าซใหม่อีกครั้งและจะกลายเป็นแหล่งกำเนิดของดวงดาวต่อไป